จิตวิทยาเพื่อการเรียนการสอน
นักจิตวิทยาหลายท่านได้ทำการศึกษาและทดลองเกี่ยวกับธรรมชาติของการเรียนรู้
ซึ่งแนวคิดบางอย่างได้มีการทดลองจนเกิดเป็นทฤษฎีแห่งการเรียนรู้ ดังเช่น
ธวัชชัย ชัยจิรฉายากุล
(ม.ป.ป.78-79) ได้กล่าวถึงกฎแห่งความใกล้ชิด (Contiguition) มีใจความว่า
“หากต้องการให้ผู้เรียนเรียนรู้และตอบสนองอย่างไรต่อสิ่งเร้า
ต้องจัดสิ่งเร้าให้ใกล้ชิดกับระยะเวลากับการตอบสนองสิ่งนั้น” เช่น ในการเรียนรู้การใช้โปรแกรม MS – Window, MS – Word, MS –
Excel หากผู้สอนใช้สื่อที่ใกล้ชิดกับผู้เรียนและผู้เรียนได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ
กับสิ่งเร้านั้น ผู้เรียนจะมีการตอบสนองได้ทันที การเรียนรู้จะเกิดขึ้นในระยะเวลานั้น
นอกจากนั้น ยังมีแนวคิดเกี่ยวกับกฎแห่งการทำซ้ำ (Repetition) กฎนี้มีใจความว่า
“หากต้องการให้ผู้เรียนตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ
และต้องการให้เกิดการเรียนรู้อย่างคงทนและแม่นยำ ต้องมีการฝึกปฏิบัติซ้ำๆ จนเกิดเป็นทักษะ การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้โปรแกรม Auto CAD ก็เช่นเดียวกัน
การให้ผู้เรียนได้ฝึกทำซ้ำๆ ตามกระบวนการที่ผู้สอนกำหนด จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และเกิดทักษะที่คงทน
สามารถปฏิบัติได้จนเกิดเป็นทักษะในการปฏิบัติ
ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2546
: 27) กล่าวถึงทฤษฎีในการเรียนรู้ไว้ดังนี้
1.
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) เชื่อว่า
มนุษย์และการเรียนรู้ของมนุษย์เป็นสิ่งที่สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมภายนอกโครงสร้างบทเรียนในลักษณะเชิงเส้นตรง
(Linear) โดยผู้เรียนทุกคนจะได้รับการเสนอเนื้อหาในลำดับที่เหมือนกันและตายตัว
2.
ทฤษฎีปัญญานิยม (Cognitivism) พฤติกรรมมนุษย์เป็นเรื่องของจิตใจ
ทำให้เกิดแนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบรูปแบบการเรียนรู้
3.
ทฤษฎีโครงสร้างความรู้ (Schema Theory) โครงสร้างภายในของมนุษย์จะมีลักษณะเป็นเหมือนโหมดหรือกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงกันอยู่
มนุษย์จะนำความรู้ใหม่ๆ
ไปเชื่อมโยงกับกลุ่มความรู้เดิม (Pre-existing Knowledge)
4.
ทฤษฎีความยืดหยุ่นทางปัญญา(Cognitive Flexibility Theory) เพื่อตอบสนองโครงสร้างขององค์กรความรู้ที่แตกต่างกัน
ระบิล ภักดีผล (2544
: 39-40) กล่าวถึงแนวคิดในการเพิ่มคุณค่าของการใช้เทคโนโลยีช่วยในกระบวนการเรียนรู้
กระบวนการทางปัญญา (Intellectual Skills) คือ
กระบวนการที่มีองค์ประกอบสำคัญ คือ
1.
การรับรู้สิ่งเร้า
(Stimulus)
2.
การจำแนกสิ่งเร้าจัดกลุ่มเป็นความคิดรวบยอด
(Concept)
3.
การเชื่อมโยงความคิดรวบยอดเป็นกฎเกณฑ์
หลักการ (Rule) ด้วยวิธีอุปนัย (Inductive)
4.
การนำกฎเกณฑ์
หลักการไปประยุกต์ใช้ด้วยวิธีนิรนัย (Deductive)
5.
การสรุปเป็นองค์ความรู้ใหม่ๆ
(Generalization)